จุดเด่นของบริษัท
บริษัทประกันชีวิตแห่งแรกของไทย และมีขนาดใหญ่ที่สุดที่คนไทยเป็นเจ้าของ
คณะผู้บริหารที่เปี่ยมความสามารถพร้อมการสนับสนุนจากพันธมิตรระดับโลกอย่าง Meiji Yasuda
ผู้นำเครือข่ายตัวแทนประกันชีวิตที่แข็งแกร่ง และครอบคลุมทั่วประเทศ
ไทยประกันชีวิตมีเครือข่ายตัวแทนประกันชีวิตที่แข็งแกร่งมากถึง 40,700 ราย ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทฯ ถือเป็นบริษัทประกันชีวิตสัญชาติไทยแห่งเดียวที่ประสบความสำเร็จในการสร้างเครือข่ายตัวแทนประกันที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย ช่วยให้บริษัทฯ สามารถสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าของบริษัทฯ อีกทั้งบริษัทมีสาขาและศูนย์บริการลูกค้าจำนวน 21 แห่งในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล และจำนวน 242 แห่งในต่างจังหวัด ณ วันที่ 30 กันยายน 2567
การเติบโตอย่างรวดเร็วของเครือข่ายพันธมิตร และช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย
ไทยประกันชีวิตมีเครือข่ายพันธมิตรในการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งในหลากหลายแวดวง ทั้งธุรกิจการเงิน การธนาคาร ธุรกิจสินเชื่อ รวมไปถึงช่องทางการจัดจำหน่ายที่เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรงทั้งแพลตฟอร์มดิจิทัล แอพลิเคชั่น พนักงานขาย และการมอบสิทธิพิเศษให้พนักงาน
การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ สามารถแก้ปัญหาได้อย่างครอบคลุม และเปี่ยมด้วยนวัตกรรมที่แตกต่าง
นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์และสามารถแก้ปัญหาของคนไทยได้อย่างครอบคลุมรวมถึงมีการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ขึ้นเป็นพิเศษ ให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภค ในหลากหลายกลุ่ม ซึ่งเป็นผลจากการรวบรวมและวิเคราะห์ฐานข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า รวมถึงเป็นผู้บุกเบิกผลิตภัณฑ์ที่ครบทุกช่วงอายุ รองรับหลากหลายเงื่อนไข และผลิตภัณฑ์กลุ่มเอกชนและภาครัฐ ที่ครบวงจร
ประวัติสถานะทางการเงินที่โดดเด่น ในการทำกำไรที่แข็งแกร่งและการสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น
ไทยประกันชีวิตมี portfolio การลงทุนที่หลากหลาย โดยบริษัทมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างยั่งยืนและสามารถทำกำไรได้ในทุก ๆ วงจรธุรกิจ โดยไทยประกันชีวิตสามารถรักษาประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจได้แม้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เนื่องจากมีการจัดเตรียมแผนงานรองรับสถานการณ์ในระยะยาว ควบคู่ไปกับการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพภายใต้โครงสร้างการกำกับดูแลกิจการที่ดี
ข้อมูลสำคัญล่าสุด
- ประมาณการทางคณิตศาสตร์ประกันภัยในการวัดมูลค่าของส่วนผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจประกันใหม่ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา โดยมูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่ (Value of New Business หรือ VONB) เกิดจากการคำนวณมูลค่าปัจจุบันของกำไรหลังหักภาษีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และหักด้วยต้นทุนของเงินทุนที่เกี่ยวข้อง
- การคำนวณที่ใช้กันโดยทั่วไปในอุตสาหกรรมประกันภัยเพื่อประเมินการขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยของบริษัทประกัน ซึ่งคำนวณจากร้อยละ 100 ของมูลค่าเต็มปีของเบี้ยประกันภัยรับปีแรกแบบจ่ายรายงวดทั้งหมดบวกด้วยร้อยละ 10 ของ เบี้ยประกันภัยรับจ่ายครั้งเดียว (Single Premium) ของทุกกรมธรรม์ที่ขายได้ในรอบระยะเวลาดังกล่าว